ไม่ใช่แค่สุขภาพร่างกายที่ต้องดูแล แต่รถยนต์คู่ใจของคุณก็เช่นกัน เพราะถ้าหากขาดการบำรุงรักษา ก็นำมาสู่ผลกระทบได้ เทียบง่าย ๆ ถ้าเป็นชีวิต ก็จะทำให้เจ็บไข้ ได้ป่วย แต่ในกรณีรถ ก็อาจจะเกิดปัญหารถดับ รถสตาร์ทไม่ติด ซึ่งการที่รถสตาร์ทเกิดอาการดังกล่าว อาจเป็นสัญญาณบอกว่าระบบภายในรถยนต์กำลังมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น การละเลยเล็ก ๆ น้อย ๆ อาจนำไปสู่ปัญหาเรื่องใหญ่ตามมาได้ การดูแลรักษารถยนต์เป็นประจำจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง วันนี้ Autobattery จะมาเจาะลึกถึงสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้รถไม่ติด พร้อมทั้งแนะนำวิธีดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้น เพื่อยืดอายุการใช้งานรถของคุณ
1. แบตเตอรี่เสื่อม
แบตเตอรี่เสื่อม คือ อาการที่เกิดขึ้นได้บ่อยเป็นลำดับต้น ๆ ของปัญหารถสตาร์ทแล้วแต่ไม่ติด ตัวแบตนั้น ทั่วไปจะมีอายุอยู่ที่ประมาณ 2 ปีโดยประมาณ แต่ถ้าหากใช้งานบ่อย ขับรถบ่อย ๆ ก็จะลดอายุแบตลง ซึ่งถ้าหากไม่ตรวจสภาพ หรือเปลี่ยนแบตรถในระยะเวลาที่กำหนด ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสที่จะทำให้รถไม่ติด
วิธีสังเกตอาการแบตเสื่อม ทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง เพียงแค่สังเกตไฟบริเวณหน้าปัดที่แสดงพลังงาน เครื่องยนต์สตาร์ทติดได้ยากมากขึ้น สามารถแก้ได้โดยการเปลี่ยนแบต หรือในกรณีเร่งด่วน อาจจะใช้รถอีกคันช่วยพ่วงแบต เพื่อให้สตาร์ทได้ในเบื้องต้น แล้วไปเปลี่ยน
2. จอดรถทิ้งไว้ จนทำให้ไฟรั่ว
การเปิดไฟ จอดรถทิ้งไว้นานโดยไม่ใช้งาน อาจทำให้เกิดไฟอ่อน เกิดการรั่วไหลของกระแสไฟฟ้าจากอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในรถ เช่น เครื่องเสีย สวิชประตู ไฟเบรกค้าง ไฟภายในรถ ไฟท้าย หรือระบบสัญญาณกันขโมย ปัจจัยเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วขึ้น จนไปสู่ปัญหารถสตาร์ทไม่ติดได้ ซึ่งแก้ไขได้โดยเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ โดยเลือกแบตเตอรี่ที่มีขนาดและความจุตรงตามรุ่นรถ
3. ไดชาร์จ ไดสตาร์ท เสีย
ไดชาร์จ หรือไดสตาร์ทเสีย ก่อนอื่นต้องแยกเป็น 2 ส่วนปัญหา คือ
- ไดชาร์จ : มีหน้าที่ชาร์จไฟให้แบตเตอรี่ขณะเครื่องยนต์ทำงาน เมื่อไดชาร์จเสีย แบตเตอรี่จะค่อย ๆ หมดจนสตาร์ทไม่ติด วิธีแก้ คือ ตรวจสอบและซ่อมแซมไดชาร์จ หรือเปลี่ยนใหม่
- ไดสตาร์ท : มีหน้าที่หมุนเครื่องยนต์ให้ติด หากไดสตาร์ทเสีย เครื่องยนต์ก็จะไม่สามารถหมุนได้ แก้ไขได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง โดยการสตาร์ทรถแบบไว ๆ เริ่มจากเสียบกุญแจและบิดไปที่ตำแหน่งสตาร์ทภายในรวดเดียว หากรถติด ให้รีบขับไปที่ศูนย์บริการ เพื่อตรวจเช็กและรักษาในขั้นตอนต่อไป
4. ระบบจุดระเบิดมีปัญหา
ปัญหาอาจเกิดจากปั๊มติ๊กเสีย, หัวฉีดอุดตัน, หัวเทียนบอด, กล่อง ECU เสีย หรือไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงสกปรก ทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงไม่สามารถส่งไปยังห้องเผาไหม้ได้เพียงพอ โดยอาการจะแบ่งได้จากเครื่องยนต์สตาร์ทติดแต่ไม่มีแรง กลิ่นน้ำมันเชื้อเพลิงรั่ว วิธีแก้ไข ทำได้โดยการตรวจสอบและซ่อมแซมระบบเชื้อเพลิง
5. น้ำมันหมด
น้ำมันหมดเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด และแก้ไขได้ง่ายที่สุด เพียงแค่เติมน้ำมันให้เต็มถัง รถก็สามารถสตาร์ทได้ตามปกติ
สาเหตุอื่น ๆ
สาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้รถสตาร์ทยาก สตาร์ทไม่ติด ได้แก่ ขั้วเสื่อมสภาพ ขั้วหลวม ขี้เกลือขึ้นขั้ว ขั้วเป็นสนิม สายไฟเสื่อมสภาพ ซึ่งการจะตามหาสาเหตุเหล่านี้ หากไม่ใช่ช่างที่มีความชำนาญ ก็อาจจะคาดเดาได้ยาก ขอแนะนำว่าหากไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด ควรเรียกช่างในการตรวจเช็กสภาพรถยนต์คู่ใจของคุณ จะเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยมากที่สุด
วิธีแก้ไขเบื้องต้นที่คุณสามารถทำได้เอง
วิธีแก้ไขเบื้องต้นที่ทุกคนสามารถทำได้เอง มีวิธีง่าย ๆ ดังนี้
ตรวจสอบขั้วแบตเตอรี่
เนื่องจากขั้วแบตเตอรี่ที่หลวมหรือมีสนิมเกาะ อาจทำให้การต่อไฟฟ้าไม่สมบูรณ์ แนะนำให้ลองทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่และขันให้แน่น
พ่วงแบตเตอรี่
พ่วงแบตเตอรี่ หากพบว่าแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ หรือรู้ว่าเลยระยะเวลาที่เหมาะสมในการเปลี่ยนแบต แล้วรถเกิดสตาร์ทไม่ติดขึ้นมา การพ่วงแบตเตอรี่จากรถคันอื่นอาจช่วยให้รถสตาร์ทติดชั่วคราว และเป็นการแก้ปัญหาเบื้องต้นที่ไวที่สุด
ตรวจสอบฟิวส์
ตรวจสอบฟิวส์ สำหรับฟิวส์เป็นอุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร หากฟิวส์ขาด อาจทำให้ระบบไฟฟ้าบางส่วนทำงานไม่ได้ ลองตรวจสอบและเปลี่ยนฟิวส์ใหม่
ตรวจสอบสายไฟ
ตรวจสอบสายไฟ สายไฟที่ชำรุดหรือหลุดออกจากขั้วต่อ อาจทำให้การส่งผ่านกระแสไฟฟ้าขัดข้อง ลองตรวจสอบและซ่อมแซมสายไฟ
ใส่ใจ ไม่ให้รถดับ แค่มารับบริการตรวจเช็กสุขภาพแบตที่ Autobattery
มารับบริการตรวจเช็กสุขภาพแบตที่ Autobattery หากคุณยังไม่แน่ใจว่าสาเหตุที่รถสตาร์ทไม่ติด เกิดจากอะไร เราขอแนะนำให้คุณนำรถเข้าตรวจเช็คที่ศูนย์บริการ Autobattery เพื่อให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบและแก้ไขปัญหาให้อย่างถูกต้อง เรามีบริการตรวจเช็คสุขภาพแบตเตอรี่ฟรี พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลรักษาแบตเตอรี่รถยนต์ เพื่อให้รถของคุณพร้อมใช้งานเสมอ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือขอรับบริการเปลี่ยนแบตเตอรี่นอกสถานที่ได้จากช่องทางติดต่อด้านล่างนี้
- เว็บไซต์ : https://autobatterythai.com/
- โทรศัพท์ : 02-412-7090
- โทรศัพท์มือถือ : 088-195-0505
- Line : @autobatt